ชา กาแฟ ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552
Posted by noobo

กระแสฮิตติดตลาดในระยะนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก เมื่อเดือนที่ผ่านมานี้ก็มีข่าวคราวที่ น่าสะ เทือนใจที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวผู้หนึ่งที่ต้องการลดน้ำหนัก และกินยาเพื่อลดน้ำหนักเกินขนาด จนเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งหลายๆ ปีที่ผ่านมาก็มีข่าวคราวในทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ น่าเสียดายที่เรามองข้ามความปลอดภัยของการใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในการลดน้ำหนัก ทำให้แทนที่จะมีสุขภาพดีกลับกลายเป็นอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินเพิ่มขึ้นไปอีก

หมอลองค้นหาใน Google โดยใช้คำว่า ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักหรืออาหารเสริมลดน้ำหนัก มีรายชื่อ Website เป็นล้าน นี่ขนาดว่าเป็นแค่ Web ภาษาไทยเท่านั้นนะ และจำนวนไม่น้อยเป็นผลิตภัณฑ์ชาหรือกาแฟเพื่อลดน้ำหนัก อันเป็นที่มาของคำถามในวันนี้ที่มีคนไข้มาถามหมอว่าเธอซื้อชายี่ห้อหนึ่งมา คนขายบอกว่าให้กินหลังอาหาร 3 มื้อ จะช่วยลดน้ำหนักได้และยังจะช่วยลดระดับ น้ำตาลในเลือดซึ่งเธอกำลังมีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มผิดปกติ

ชา tea

หมอ : แล้วน้ำหนักลดหรือเปล่าล่ะคะ
คนไข้ : ยังเลยค่ะ เหมือนจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เขาบอกว่าต้อง 2-3 เดือนนะคะถึงจะเห็นผล

ก็มีแต่ ‘เขาว่า’ ทั้งนั้นแหละค่ะที่จะเห็นผล(ดี) พอเป็น ‘เราว่า’ บ้างมักจะกลายเป็นเห็นผลตรงกันข้ามไปเสียนี่จริงๆ แล้ว ที่ชาหรือกาแฟมาฮิตมากในช่วงหลังๆ ในการนำมาใช้ในการลดน้ำหนักนั้นมีที่มาที่ไปนะคะ มีการศึกษาทางการแพทย์มาเป็น 10 ปี ที่พบว่ากาเฟอีนที่เป็นส่วนผสมหลักในชาหรือกาแฟนั้น เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะมีผลในด้าน Thermogenesis ทำให้ร่างกายมีการ เผาผลาญใช้พลังงานมากขึ้น เคยมีการศึกษาของชาเขียว พบว่าถ้าดื่มชาเขียววันละ 5แก้ว ร่างกายจะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ70-80 แคลอรี (ซึ่งสำหรับชาเขียวแล้วผลของการเพิ่มการใช้พลังงานของร่างกายเมื่อดื่มชา อาจจะเป็นผลพวงขององค์ประกอบอื่นๆ ในชานอกเหนือจากกาเฟอีน)การใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นหลังจากการดื่มชา/กาแฟนี้เองที่ทำให้ผู้ผลิตนำชา/กาแฟมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก

อันที่จริงหลักการลดน้ำหนักนั้นง่ายมากเลยค่ะ คือกินให้น้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายใช้ เมื่อร่างกายมีการใช้พลังงานมากกว่าที่กินก็จำต้องสลายเอาไขมันที่สะสมตาม ร่างกายมาเป็นพลังงานแทน แต่การจะเอาไขมันที่พอกพูนตามส่วนต่างๆ ของร่างกายให้หายไป 1 ปอนด์ หรือเกือบครึ่งกิโลกรัมนั้น เราต้องใช้พลังงานมากกว่าที่ได้จากการกินเข้าไป (Calories Deficit) ถึง 3,500 แคลอรี! สมมติว่าเราต้องการลดน้ำหนัก 1/2 กิโลกรัม ใน 1 สัปดาห์ นั่นหมายถึงใน 1 สัปดาห์หรือ 7 วันนี้เราต้องมี Calories Deficit ประมาณ 3,500 แคลอรี หรือคิดง่ายๆ ว่าวันละ 500 แคลอรี ซึ่งเราจะประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานมากกว่าที่ร่างกายได้รับวันละ 500 แคลอรีได้ 3 ทางคือ

1.กินให้น้อยลงวันละ 500 แคลอรี โดยใช้พลังงานหรือทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม เช่น เลิกดื่มน้ำอัดลมที่เคยดื่มวันละ 2 ขวด กับเปลี่ยนจากกินข้าวมันไก่มาเป็นสุกี้น้ำไก่ ก็จะลดแคลอรีจากอาหารที่กินได้ประมาณ 500 แคลอรี วิธีนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ และน้ำหนักที่ลดได้มักจะคงอยู่ได้ไม่นาน

2. กินลดลงบ้าง ร่วมกับการออกกำลังกาย เช่น เลิกดื่มน้ำอัดลม 2 ขวด แต่ยังขอกินข้าวมันไก่ แต่ยอมไปออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ 1 ชั่วโมง วิธีนี้ดีต่อสุขภาพที่สุด และจะลดน้ำหนักได้ถาวรที่สุด (แต่อย่างไรข้าวมันไก่ก็ไม่ควรกินบ่อยนะคะ)


3.ไม่ยอมอดอาหารเลยแต่ยอมออกกำลังกายแทน ซึ่งถ้าเราหนัก 80 กิโลกรัม ต้องการออกกำลังกายเพื่อจะเผาผลาญให้ได้ 500 แคลอรี ต้องพยายามอย่างสูง เช่น วิ่งเหยาะ 1 ชั่วโมง หรือเดินเร็ว 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ประสบความสำเร็จยกเว้นเป็นนักกีฬาที่ต้องออกกำลังกายทั้ง วัน

สำหรับชา/กาแฟ ที่ มีฤทธิ์เพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายดังกล่าวจะเปรียบเสมือนกับการออก กำลังกายที่ร่างกายใช้พลังงานเพิ่ม ลองดูว่าถ้าเราเลือกทำตามข้อ 3 คือ ดื่มแต่ชา/กาแฟเพื่อช่วยลดน้ำหนักแทนการไปออกกำลังกาย อาจจะต้องดื่มชาถึงวันละกว่า 30 แก้ว (ชา 5 แก้วเพิ่มการใช้พลังงานประมาณ 70-80 แคลอรี) ซึ่งคงจะไม่ไหว นอกจากนี้กาเฟอีนในชากาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นๆถ้าดื่มมากเกินไปอาจจะเกิด ปัญหาใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ นอนไม่หลับ ท้องผูก ความดันโลหิตสูง กระดูกพรุน เป็นต้น

ดังนั้นหมอก็เลยแนะนำคนไข้ของหมอว่าถ้าอยากจะลดน้ำหนัก ให้สุขภาพดี คงต้องลงทุนลงแรงด้วยการคุมอาหารบ้าง ออกกำลังกายบ้าง และถ้าตนเองไม่มีข้อห้ามกับการดื่มชา/กาแฟ ก็อาจจะดื่มได้ เช่น วันละ 1-3 แก้ว ไม่ใช่แค่ดื่มชาหรือกาแฟ (โดยไม่ทำอะไรอื่นอีกเลย) แล้วหวังว่าน้ำหนักตนเองจะลดลงได้ แต่ทั้งนี้ระวังนมและน้ำตาลที่ใส่ลงในชา/กาแฟด้วยนะคะ น้ำตาล 2 ช้อนชา ให้แคลอรีเท่ากับข้าว 1/2 ทัพพีค่ะ

ข้อมูลจาก http://women.sanook.com

การดื่มนมเป็นสาเหตุหนึ่ง ทำให้เกิดสิว

Posted by noobo

3
ใครที่ชอบดื่มนมเป็นประจำ รู้หรือไม่ว่า การดื่มนมอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาบอกกัน...

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐฯ กล่าวว่า เด็กหนุ่มสาวทั้งหลายที่มีสิวขึ้นบนใบหน้าว่า ให้ลดปริมาณการดื่มนมให้น้อยลง เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองแล้ว พบว่า ถ้า อยากจะห่างสิวควรจะเลิกกินมันฝรั่งทอดกรอบและช็อกโกแลต แต่ในการทดลองใหม่นี้ได้แสดงว่าวัยรุ่นที่ดื่มนมประจำวันละไม่น้อยกว่า 476 ซีซี ล้วนแต่เป็นสิวกันครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับคนที่ดื่มน้อยกว่าหรือไม่ดื่มเลย

นมมีความเกี่ยวพันกับการเป็นสิวอย่างชัดเจน รายงานผลการทดลอง ซึ่งเสนอในวารสารวิชาการ “แพทย์โรคผิวหนัง” แห่งอเมริกัน ยังกล่าวอีกว่า ฮอร์โมนการเจริญเติบโต และฮอร์โมนเพศในน้ำนมวัว อาจจะเป็นเครื่องกระตุ้นทำให้เกิดสิวได้

ใครที่กำลังเป็นสิว และไม่แน่ใจในสาเหตุการเกิดสิว ลองลดปริมาณการดื่มนมด

นมเปรี้ยวกับการลดความอ้วน

Posted by noobo


เชื่อว่ามีคุณผู้หญิงหลายๆท่านที่เข้าใจ ว่าดื่มหรือรับประทานนมเปรี้ยว จะช่วยลดความอ้วนได้ ในฉบับนี้เราจะมารู้จักนมเปรี้ยวกัน นมเปรี้ยวหรือ โยเกิรต์ทีที่มีวางในท้องตลาด แบ่งออกได้เป็น 2ประเภทใหญ่ๆคือชนิดของเหลว สามารถดื่มได้ทันที กับชนิดกึ่งแข็งกึ่งเหลว โดยนมเปรี้ยวจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากการนำนมไปหมัก ด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรค อาจมีการเติมวัตถุอื่นที่จำเป็นต่อกรรมวิธีการผลิต และอาจมีการปรุงแต่งสี กลิ่น รส ด้วย สำหรับจุลินทรีย์ที่นิยมใช้กันเป็นแบคทีเรียกลุ่มแลคโตบาซิลลัส และสเตรปโตคอคลัสซึ่งแบคทีเรียนี่เปลี่ยนน้ำตาลแลคโตส ในนมให้เป็นกรดแลคติด ทำให้ที่มีปัญหาเกิดอาการท้องเสียจากการดื่มนมเนื่องจากร่างกาย ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตส
สามารถรับประทานนมเปรี้ยวแทนนม และได้รับคุณค่าทางอาหารของนมได้
สำหรับ ความเข้าใจที่ว่านมเปรี้ยวจะไม่ทำให้อ้วนนั้นจริงๆแล้ว พลังงานทั้งหมดที่ได้จากนมเปรี้ยว จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น ถ้านมเปรี้ยวที่ทำจากนมสดก็ย่อมให้พลังงานมากกว่านมเปรี้ยว ที่ทำมาจากนมพร่องมันเนย ซึ่งมีไขมันต่ำกว่า แต่หากมีการเติมน้ำตาลมากๆเพื่อให้มีรถหวาน นมเปรี้ยวนั้นก็อาจให้พลังงานมากกว่านมธรรมดาๆก็ได้ เวลาที่จะเลือกซื้อนมเปรี้ยวมารับประทาน ต้องดู ละเอียดต่างๆบนผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะบอกส่วนประกอบสำคัญว่ามีอะไรบ้าง นอกจากนี้ ที่ฉลากยังจะบอกชื่ออาหาร ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิตปริมาตรสุทธิ ข้อความที่แสดงว่ามีการใช้วัตถุเจือปนอาหาร ในกรณีที่มีการใช้ที่สำคัญมีเครืองหมาย อย. แสดงเลขทะเบียนตำรับอาหารหรือเลขที่รับอนุญาตให้ใช้ฉลากอาหาร และวันเดือนปีที่หมดอายุ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อนมเปรี้ยวมารับประทาน นอกจากดูรายละเอียดบนฉลากแล้วต้องตรวจดูภาชนะบรรจุ ว่าอยู่ในสภาพเรียนร้อยหรือไม่ มีการปิดผนึกสนิท ไม่รั่ว ซึมหรือฉีกขาด และการเก็บสินค้าต้องเก็บอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่น ถ้าเป็นนมพาสเจอร์ไรส์ ต้องเก็บในตู้เย็นหรือตู้แช่ อุณหภูมิไม่เกิน10องศาเซลเซียส นมยูเอชทีสามารถเก็บในห้องธรรมดาได้ แต่ต้องไม่อยู่ใกล้ความร้อน หรือถูกแสงแดด และไม่วางทับซ้อนกันหลายชั้นเกินไป จนทำให้กล่องนมย่นเมื่อซื้อนมเปรี้ยวมาแล้วต้องเก็บในที่ๆ เหมาะสมและก่อนที่จะรับประทานอย่าลืมดูลักษณะของนมเปรี้ยวว่าปกติดีหรือไม่ เช่น นมเปรี้ยวชนิดเหลวต้องไม่จับตัวเป็นก้อนที่ก้นขวด ถ้าเป็นชนิดกึ่งแข็งกึ่งเหลว ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แตกตัว และอย่าลืมตรวจดูฉลากโดยเฉพาะวันหมดอายุ

หุ่นสวยด้วย...นม

Posted by noobo


สาวๆ ทราบหรือเปล่าคะว่า การที่คุณมีนมหรือโยเกิร์ตติดตู้เย็นไว้ที่บ้านเป็นประจําเนี่ย มันสามารถทําให้น้ำหนักตัวคุณลดลงได้ด้วยนะ อ๊ะๆ ไม่เชื่อละสิ ถ้างั้นก็ต้องรีบมาอ่านข้างล่างนี้ดูกันแล้วละค่ะ

แคลเซียมในนมช่วยลดน้ำหนัก
จาก การศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มนมในกลุ่มของคนอ้วนที่กําลังลดน้ำหนักพบ ว่า กลุ่มที่ดื่มนมเป็นประจําในปริมาณที่สูงจะ สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่ม ที่ไม่ค่อยจะดื่มนมเลยหรือดื่มในปริมาณที่น้อยกว่าโดยที่ทั้งสองกลุ่มรับ แคลอรีเข้าไปเท่ากัน ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะแคลเซียมในนมจะมีผลไปขัดขวางการสร้างหรือสะสมไขมัน เมื่อมีการสร้างและสะสมไขมันลดลงแล้ว ร่างกายก็จะเกิดการเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น ทําให้น้ำหนักตัวลดลงค่ะ และยิ่งไปกว่านั้น หากคุณดื่มนมให้ได้วันละ 3-4 กล่องต่อวันแล้วจะยิ่งช่วยให้น้ำหนักตัวลดลง มากกว่าการกินอาหารเสริมจําพวกแคลเซียมหรืออาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบด้วยซะอีกค่ะ


นมกับการไดเอ็ท
สํา หรับสาวๆ ที่กําลังคิดจะให้นมเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักนั้น อย่าลืมคํานึงถึงปริมาณของแคลเซียมและโปรตีนในนมด้วยนะคะ ซึ่งคุณควรเลือกชนิดที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง แต่ให้พลังงานต่ำ อย่างพวกนมพร่องไขมัน นมขาดไขมัน หรือโยเกิร์ตพร่องไขมันนี่แหละ ใช่เลย และก็ควรเลือกแบบรสธรรมชาติหรือรสจืดมากกว่ารสอื่นๆ ด้วยนะคะ เพราะการปรุงแต่งรสนั้นย่อมหมายถึงการเพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไป จะทําให้เราได้รับพลังงานจากน้ำตาลเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นกระบุงด้วยค่ะ

นอก จากนี้ ในนมยังมีแร่ธาตุต่างๆ อย่างฟอสฟอรัสและแมกนีเซียมซึ่งจะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคลเซียมในการ ขัดขวางการสะสมไขมันในเซลล์ด้วยนะ แถมยังมีโปรตีนในนมที่ช่วยรักษากล้ามเนื้อและเพิ่มอัตรา เมตาบอลิซึ่มให้ดีขึ้นอีกด้วยละ เอ้า เห็นข้อดีของการดื่มนมอย่างนี้แล้ว เห็นทีสาวๆ รักสุขภาพอย่างเรา จะต้องรีบหันมาดื่มนมให้ได้วันละ 3 แก้วกันแล้วละค่ะ

Make a Choice! สาวๆ รู้มั้ยคะว่า นมและผลิตภัณฑ์จากนมประเภทต่างๆ มีปริมาณแคลอรีและแคลเซียมอยู่กันเท่าไหร่
* นมขาดไขมัน รสจืด 110 แคลอรีแคลเซียม 373 มิลลิกรัม
* นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ 70 แคลอรี แคลเซียม 54 มิลลิกรัม
* นมเปรี้ยวพร่องมันเนย 140 แคลอรี แคลเซียม 114 มิลลิกรัม
* โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 120 แคลอรี แคลเซียม 189 มิลลิกรัม

ข้อมูลจาก http://health.deedeejang.com

สวยด้วยเกลือ

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552
Posted by noobo

http://www.pungmag.com/filemanage/news/b/586.jpg
เกลิอนอกจากจะมีประโยชน์มากมายแล้ว ทราบหรือไม่ว่าเกลือก็สามารถทำให้สวยได้ วันนี้มีสูตรสวยด้วยเกลือมาฝากกัน...

1. ลดรอยช้ำรอบดวงตา

ผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำร้อนครึ่งถ้วย จากนั้นใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเกลือมาปิดตาไว้สัก 5-10 นาที รอยช้ำรอบดวงตาจะค่อยๆจางลง

2. หน้ามันน้อยลง

ใช้ ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนพอหมาดมาปิดหน้าไว้สัก 3-5 นาที เพื่อช่วยเปิดรูขุมขนก่อน ต่อจากนั้นใส่น้ำลงในขวดสเปรย์ เติมเกลือลงไป 1 ช้อนชา เขย่า ให้เกลือละลายแล้วฉีดเกลือใส่หน้าให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้แห้ง

3. เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว

ผสม เกลือ 1/2 ถ้วยลงในอ่างอาบน้ำ แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที จากนั้นเช็ดตัวให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงผิวซ้ำ เกลือจะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นยิ่งขึ้น

4. ขัดผิวให้สวยใส

โดย ใช้เกลือผงถูตัวแล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูขัดตัวให้ทั่วช่วยให้เซลล์ผิวหนัง ที่ตายแล้วหลุดออกมา ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายด้วย

5. ผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าที่เท้า

ผสม เกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำอุ่น นั่งแช่เท้าประมาณ 30 นาที วิธีนี้เหมาะกับคนที่เดินนาน ๆ รวมทั้งสาว ๆ ที่ต้องใส่ส้นสูงตลอดวัน

รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำเกลือมาทำตามวิธีที่แนะนำกันดูได้.

วิธีมองโลกในแง่ดี

Posted by noobo



ทุกวันนี้มีแต่เรื่องให้เราต้องเครียด ปวดหัว รำคาญใจไม่เว้นแต่ละวัน เราจะมีวิธีสร้างความสุขให้กับตัวเราเองยังไงบ้างคะ
@ เพื่อนนินทา เพื่อนนินทาเรา แสดงว่าเราต้องมีดีอะไรสักอย่าง จนเพื่อนมันอิจฉาอย่างนี้เราน่าจะภูมิใจตัวเองแทนที่จะไปโกรธเพื่อนคนนั้น พูดง่ายๆ เขาไม่มีจุดเด่นเหมือนเราเขาจึงนินทาว่างั้นเหอะ

@ ส่งยิ้มให้เธอแล้ว ไม่แยแส ยังดี..นะเนี่ย ที่เธอไม่ด่ากลับมา นี่แสดงว่าเธอยังมีน้ำใจดีอยู่บ้างโอ.. ซาบซึ้งเหลือเกิน ถึงเราจะแห้ว..แต่เราก็ยังประทับใจในความดีของหล่อน

@ โดนแม่ด่าแต่เช้าตรู่ แม่ด่าเรา แสดงว่าแม่ยังรักและห่วงใยเราอยู่ โห..ซาบซึ้งมากเลย อีกอย่างหนึ่งในคำด่าของแม่ต้องมีอะไรดีๆ ซ่อนไว้แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นแม่ไม่ด่าซ้ำ ๆ เรื่องเดิม ๆ อย่างนี้หรอก

@ ครูสอนไม่รู้เรื่องเลย ท้าทายมาก ..ท้าทายมาก นี่หมายความว่าคุณครูกำลังท้าทายเรา ว่าถ้าข้าสอนห่วยๆ แบบนี้ เอ็งจะรู้เรื่องหรือเปล่า อย่างนี้ยอมไม่ได้..เราต้องขวนขวายเอาเอง เพื่อพิสูจน์กึ๋นให้คุณครูรู้ว่าเรานี้ก็ไม่เบาเหมือนกาน..น

@ เพื่อนหักหลัง ไม่เป็นไร..ขอกันกินมากกว่านี้ แต่น่าสงสารนายนะ เพราะนิสัยของนาย คงจะทำให้นายต้องเสียเพื่อนไปหมดทุกคนในไม่ช้า เพราะคงไม่มีใครหรอกที่จะไว้ใจคนที่หักหลังเพื่อน.

@ เพื่อนล้อว่าเสี่ยว โห..! ตัวเรานี่มีอะไรดีๆ เยอะแยะ แต่พวกนายกลับมองไม่เห็นคุณค่าสงสัยว่าการมองโลกของพวกนายคงจะมีปัญหาแล้ว ล่ะ เสียใจด้วยนะ.ที่นายคงหมดโอกาสจะได้คบกับคนดี ๆ อย่างเรา

@ เช็คเมล์เจอแต่จดหมายขยะชวนดูรูปโป๊ ทดสอบ ๆ ทดสอบพลังจิต ถ้าเราลบเมล์พวกนี้ทิ้ง แสดงว่าจิตใจของเราเข้มแข็ง ถ้าเปิดดู ก็อ่อนแอ (เผลอ ๆ โดนหลอกให้เปิดไวรัสอีกต่างหาก อิอิ)

@ วันหยุดการบ้านเพียบ สบายมาก..คุณครูกำลังท้าทายความสามารถของเรา(อีกแล้ว) เรารู้ทันหรอกน่า การบ้านเยอะอย่างนี้เราก็ว่าดีนะ เพราะได้ฝึก ตัวเองให้เป็นคนสู้งานหนัก ถ้าเราสู้ไม่ถอยในวันนี้ อนาคตไปโลด

@ อกหักอีกแล้ว ไม่เป็นไร ได้เรียนรู้ชีวิต นี่ป็นการพิสูจน์สัจจธรรมอีกครั้งว่า รักแท้คือแม่เรา ว่าแต่ตัวเราเอง คอยปรับปรุงตัวเองให้ดีๆ เหอะ ชีวิตดีขึ้นเดี๋ยวก็มีคนมาชอบเราเองแหละ

@ รถติดหงุดหงิดๆ นั่งสมาธิมันเสียเลย จิตใจสว่างไสว เรียนหนังสือจะได้จำแม่น ง่ายจะตาย หลับตาหายใจเข้าออกลึก ๆ นับ 1 2 3 4 5 ดูลมหายใจเข้าออกเพลิน ๆ ไม่ต้องไปรอคอยอะไร

@ โห..ใช้เงินเพลินหมดเรียบเลย " เงินหมด ก็อดอย่างเสือ" ดีสิ..จะได้ฝึกนิสัยอดทนสักระยะ ยังมีคนอื่นที่ทุกข์มากกว่าเราเยอะแยะ ทุกข์ของเรามันแค่เรื่องขี้ผง

@ เพื่อนมีมือถือ แต่เราไม่มี โชคดีแล้วล่ะที่ไม่มี มือถือเนี่ยตัวดูดเงินเลย วัยรุ่นบางคน เมาท์จนล้มละลาย อย่าเห่อไปตามกระแสหน่อยเลย ชีวิตนี้ไม่ได้ดีขึ้นเพราะมือถือหรอกนะ

@ เราหน้าตี๋ กลม ๆ เหมือนดวงจันทร์ ..อายจัง โด่..หล่อจะตาย สมัยก่อนนู้น เขาคลั่งไคล้มาก ขนาดที่เมืองจีน เวลาปั้นพระพุทธรูป เขายังปั้นให้หน้าอูม ๆ เลย จริงอยู่สมัยนี้เขานิยมคนหน้าตาแบบลูกครึ่งฝรั่ง แต่อีกหน่อยก็เลิกฮิต เชื่อเหอะ ไม่แน่นะ ในอนาคตแฟชั่นหน้าตี๋อาจจะกลับมานิยมอีกก็ด้าย...อ้อ ! อีกอย่างสมัยนี้ สาว ๆ ที่ฉลาด เขาชอบคนดีมากกว่าคนหล่อ นะจะบอกให้

@ ชอบเขา แต่เขาไม่ชอบเราง่ะ ธรรมดาเลย.. ปิ๊งใครง่าย ๆ มันก็ต้องกิน"แห้ว"ประจำ ที่จริงชีวิตของเรานั้นมีคุณค่ามากนะ จะปล่อยให้เรื่องเล็กๆ แค่นี้มาทำให้ชีวิตของเราไร้ค่าได้อย่างไร ทำตัวเองให้มีค่า ดีกว่า เดี๋ยวก็มีคนดี ๆ มาชอบเราเองหรอกน้า..า

@ เฮ้อ ! แฟนดูรูปโป๊ประจำ ดูเข้าไปเลย..เห็นพระท่านว่าพวกผู้ชายที่ชอบดูรูปโป๊มาก ๆ ชาติหน้าพวกนี้จะไปเกิดเป็นผู้หญิงกันหมด เพราะจิตใจฝักใฝ่แต่รูปร่างผู้หญิง ดีสม..! ชอบเอา เปรียบกันนักไปเกิดเป็นผู้หญิงเองเสียบ้าง จะได้รู้สึก (เขาเรียกว่าไป "ที่ชอบๆ" ฮิ ฮิ)

@ ผิดหวังผลสอบดูหนังสือแทบตายได้แค่ เกรด B เรียนแล้วได้วิชาความรู้ มันก็เหมือนทำงานแล้วได้เงินเดือน การได้เกรด A ก็คล้ายๆ กับว่าเราได้โบนัส ทีนี้ถึงเราจะไม่ได้โบนัส มันก็ไม่น่าจะเสียใจอะไร ก้อเราได้เงินเดือนแล้วนี่นา

@ เข้าคิวซื้อตั๋วหนังอยู่ดีๆเพื่อนเล่นแซงคิวหน้าตาเฉย โถ.. ! น่าสงสาร ยอมเสียนิสัย เพื่อแลกกับตั๋วหนังเพียงใบเดียว

@ ข้างห้องเปิดเพลงเสียงดังหนวกหูทั้งวัน เสียงภายนอกดังสนั่น แต่เสียงภายในเงียบสนิท ถึงเสียงวิทยุจะดังปานใด แต่ใจฉันก็ไม่เคยหงุดหงิด ฉันยังคงทำงานของฉันไปอย่างมีความสุข

@ คนชอบมาแซวเราว่า"น้องดำ ดอทคอม" ผิวอย่างฉันเขาเรียกว่า "คมขำ" ย่ะ หนุ่มๆ ฝรั่งหลงใหลจะตายไป พวกนายคงโดนโฆษณาหลอกแล้วล่ะ"ฉันคือตัวฉัน" ไม่ต้องให้ใครมาจูงจมูกหรอกนะ

@ เฮ้อ..! ไม่รู้จะทำอะไรดีเซ็ง..ง ระเบิด ! แอ็คทีฟเข้าไว้เพื่อน อย่าให้ความเซ็งเข้าครอบงำ ทำทุกอย่างด้วยความกระฉับกระเฉง หนึ่ง สอง..ๆๆๆ หาอะไรทำให้มันสนุก หนึ่ง สอง... ๆๆ

@ รู้สึกว่าตัวเองโง่โดนคนอื่นหลอกอยู่เรื่อย นึกว่าตัวเองโง่ ยังดีกว่านึกว่าตัวเองฉลาด พระท่านว่าคนฉลาดคือคนที่รู้ตัวเองว่าโง่นะ (แต่อย่าเผลอไปโดนเขาหลอกอีกล่ะ อิ อิ)

โรคข้อเสื่อม

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552
Posted by noobo

โรคข้อเข่าเสื่อม

ปัจจุบันนี้ความรู้ทางด้านการแพทย์ให้มนุษย์มีอายุยืนยาวมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถจะหยุดยั้งความชราภาพหรือความเสื่อมของร่างกายได้ ความถดถอยในสมรรถภาพของอวัยวะต่างๆ เกิดขึ้นได้ทุกอวัยวะในร่างกาย บางอวัยวะเสื่อมช้า บางอวัยวะเสื่อมเร็ว แล้วแต่การใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล แล้วแต่โรคที่อาจสืบเนื่องมาทางพันธุกรรม หรือโรคที่เข้ามาเบียดเบียนร่างกายและอวัยวะหลังกำเนิด โรคข้อเสื่อมเป็นความเสื่อมอีกประการหนึ่งที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้คุณภาพชีวิต และประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิตถดถอยลงไปด้วย

สาเหตุของอาการเสื่อมสภาพของข้ออาจมีต้นกำเนิดได้หลายสาเหตุ เช่น ลักษณะถ่ายทอดกันมาทางพันธุกรรม เช่น บิดามารดาเป็นโรคข้อเสื่อม ลูกหลานก็มีโอกาสเป็นโรคข้อเสื่อมได้ มากกว่าคนอื่นๆ โรคข้อเสื่อมอาจมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ หรือการกระทบกระแทก การใช้งานของข้อนั้นๆ หนักเกินความสามารถของข้อจะทนได้ ผู้ป่วยบางรายน้ำหนักตัวมากเกินไป ข้อที่เกี่ยวข้องกับการรับน้ำหนักก็จะต้องทำงานหนักมาก ซึ่งถ้าดำเนินต่อเนื่องไปนานๆ จะทำให้การฉีกขาดของเนื้อเยื่อในข้อ เกิดมีการกระแทกกระทั้นของกระดูกอ่อนภายในข้อ อาจรุนแรงพอที่จะทำให้เกิดการแตกหักของผิวกระดูกอ่อน และผิวกระดูก จนไม่อาจซ่อมแซมตัวเองได้ จึงนำมาของการเสื่อมในข้อต่างๆ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อเสื่อมที่สำคัญมีอะไรบ้าง ?

ปัจจัยที่ทำให้ข้อเสื่อมีหลายประการ ที่สำคัญคือ

  • ความชรา โรคนี้พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ กระดูกอ่อนในผู้สูงอายุจะแตกต่างจากคนอายุน้อย ทำให้มีโอกาสเกิดโรคข้อเสื่อมได้ง่ายขึ้นถึงแม้จะไม่ใช่เป็นสาเหตุสำคัญ และโรคข้อเสื่อมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอายุที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว

  • น้ำหนักตัว โรคนี้พบบ่อยในคนอ้วน ยิ่งน้ำหนักตัวมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่จะเป็นโรคข้อเสื่อม โดยเฉพาะข้อใหญ่ๆ ที่รับน้ำหนักตัว เช่น ข้อเข่า ข้อตะโพก ในการรักษาหรือป้องกันโรคข้อเสื่อม การลดน้ำหนักเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญที่ทำให้การรักษา หรือป้องกันกได้ผล

  • การใช้งานข้อที่ไม่ถูกต้อง เวลาเราเดินขึ้นลงบันได น้ำหนักที่กดลงไปบนข้อเข่าในขณะก้าวขึ้นลงบันได จะประมาณเท่ากับ 3 เท่าของน้ำหนักตัว ดังนั้นยิ่งน้ำหนักตัวมากและต้องเดินขึ้นลงบันไดมากๆ ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมได้มากขึ้น นอกจากนั้นการนั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ คุกเข่า เหล่านี้ก็ทำให้ข้อมีโอกาส เกิดข้อเข่าเสื่อมได้มากขึ้น การใช้มือทำงานบ้านมาก ทำให้ข้อปลายนิ้วหรือข้ออื่นๆ ในมือมีโอกาสเกิดข้อเสื่อมได้

  • การเปลี่ยนแปลงในกระดูกอ่อน ที่เกิดในโรคบางอย่าง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การติดเชื้อในข้อ ทำให้เกิดการอักเสบในข้อ และทำลายกระดูกอ่อนผิวข้อทำให้ข้อเสื่อมได้
ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมจะมีอาการอย่างไร ?

อาการของโรคข้อเสื่อม มักค่อยๆ เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มแรกมักจะมีอาการปวดเวลาเคลื่อนไหวข้อมากๆ เช่น เดินขึ้นลงบันไดมากๆ ต่อมาใช้งานข้อน้อยๆ ก็ปวด ต่อมาอาการอาจเป็นมากขึ้น จนเวลาพักข้อไม่ได้ทำงานอะไรก็ปวดได้ เป็นมากเข้าอาจมีอาการปวดมากขณะหลับด้วย จนบางรายต้องตื่นกลางดึกเพราะปวด บางครั้งการมีเสียงดังที่ข้อ กรอบแกรบเวลาเคลื่อนไหวข้อ เช่น เวลาเดิน ก็เป็นอาการเริ่มแรกของข้อเสื่อม บางครั้งอาจมีอาการข้อขัดตึงหลังตื่นนอน หรือหลังจากพักอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ใช้ข้อนานๆ แต่จะเป็นอยู่ไม่กี่นาที

ข้อใดบ้างในร่างกายที่มีโอกาสเสื่อมได้ ?

ข้อที่มีโอกาสเกิดการเสื่อมได้บ่อย ได้แก่ ข้อที่รับน้ำหนักของร่างกายมากๆ เช่น ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อกระดูกสันหลัง จะมีโอกาสเกิดความเสื่อมได้เร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ หรือต้องใช้งานข้อมากๆ แต่ข้ออื่นๆ เช่น ข้อบริเวณปลายนิ้วมือ ก็อาจจะเสื่อมได้ ซึ่งพบเป็นโรคทางกรรมพันธุ์อย่างหนึ่ง บริเวณข้อที่เป็นอาจพบก้อนนูนๆ ขึ้นมาเป็นตุ่มด้านหลังข้อทั้ง 2 ด้าน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของข้อเสื่อมที่ปลายนิ้วนี้ ข้อโคนนิ้วหัวแม่มือก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่พบความเสื่อมได้บ่อย

ทำไมข้อถึงเสื่อมได้ ?

ปกติในข้อต่อส่วนมากทั่วร่างกายจะมีส่วนที่เป็นกระดูกอ่อน คลุมผิวข้อไว้ กระดูก อ่อนนี้จะทำหน้าที่รองรับน้ำหนักที่กดลงมาที่ข้อ ทำหน้าที่คล้ายกันชนรถยนต์หรือยางรองขาโต๊ะ ขาเก้าอี้ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวข้อมีความราบเรียบลื่นไหลได้เรียบ ในขณะที่มีการขยับใช้งานข้อ กระดูกอ่อนนี้ปกติจะมีสีขาวใส และเรียบ เมื่อเริ่มมีการเสื่อม กระดูกอ่อนนี้โดยเฉพาะ บริเวณที่เป็นจุดที่รับน้ำหนักมาก จะเปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง หรือสีน้ำตาลขุ่น ผิวจะเริ่มไม่เรียบและนิ่มขึ้น บางบริเวณจะแตกเป็นร่อง เป็นริ้ว หรือเป็นแผลขึ้น ถ้าเสื่อมมากขึ้นกระดูกอ่อนอาจหลุดล่อนออกมา จนเห็นตัวเนื้อกระดูกที่อยู่ใต้ลงไป ในขณะเดียวกันส่วนอื่นๆ ของข้อ เช่น กระดูกที่อยู่ใต้กระดูกอ่อนหรือเยื้อหุ้มข้อ อาจมีการเลี่ยนแปลงหนาตัวขึ้น อาจพบกระดูกงอกออกจากขอบของข้อได้

เมื่อมีภาวะข้อเสื่อมแล้ว ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง ?

เมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรคข้อเสื่อม สิ่งที่ควรทำคือ

1. พักการใช้งานข้อ เช่น ถ้าเป็นข้อเข่าเสื่อม ก็ไม่ควรเดินมากหรือเดินขึ้นลงบันไดมาก เดินเท่าที่จำเป็น ไม่ควรนั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งบนพื้น ควรนั่งบนเก้าอี้ ที่ข้อเข่าไม่พับงอเกิน 90 องศา
2. ลดน้ำหนักตัวและควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วน ถ้าท่านมีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนอยู่แล้ว ควรลดน้ำหนักอย่างยิ่ง ถ้าสามารถลดน้ำหนักได้สัก 1-2 กิโลกรัม ท่านจะรู้สึกว่า อาการปวดข้อลดน้อยลงมาก แต่ถ้าน้ำหนักตัวท่านไม่มาก หรือไม่อ้วนอยู่แล้ว ก็ต้องพยายามควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเช่นกัน
3. บริหารกล้ามเนื้อรอบข้อให้แข็งแรงขึ้น เพื่อให้ช่วยรับน้ำหนักที่จะกระทำไปที่ข้อโดยตรงเช่น ที่บริเวณข้อเข่า การบริหารกล้ามเนื้อหน้าขาเหนือเข่า ทำให้แข็งแรงขึ้นจะช่วยลดอาการปวดเวลาเดินลงได้ การบริหารไม่ควรออกแรงมาก และต้องไม่ทำให้รู้สึกปวด ควรเป็นการบริหารร่างกายชนิดเกร็งกล้ามเนื้อ ซึ่งไม่ต้องเคลื่อนไหวข้อมากแต่จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น
4. อย่าฝืนใช้ท่าทางหรือการบริหารออกกำลังกายที่อาจทำให้ปวด หรือข้อผิดรูปร่างไป
5. ไม่ควรยกของหนัก
6. ไม่ควรทำหรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานๆ เช่น ยืนมาก เดินมาก จะทำให้ปวดข้อเพิ่มขึ้น
7. ถ้ามีอาการปวดเพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณเตือนว่า ควรจะรีบไปพบแพทย์

โรคข้อเสื่อมรักษาหายขาดได้หรือไม่ ?

ในปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคข้อเองให้หายขาดได้ เนื่องจากเมื่อเกิดความเสื่อมของข้อขึ้นแล้ว มีการสลายหรือเปลี่ยนแปลงของกระดูกอ่อนผิวข้อ ซึ่งเป็นการยากที่จะทำให้กลับสู่สภาพเดิม ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดมากจึงมาพบแพทย์ ความเปลี่ยนแปลงที่กระดูกอ่อนผิวข้อมักจะเสื่อมไปมากแล้ว

การรักษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีจุดหมายคือ มุ่งลดอาการปวด หรือ อาการอักเสบถ้ามี ในขณะเดียวกันก็พยายามทำให้การเคลื่อนไหว ของข้อเป็นไปตามปกติ โดยป้องกันหรือแก้ไขการผิดรูปร่างของข้อ ทำให้ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันหรือทำการงานได้ตามปกติ

เนื่องจากผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมแต่ละรายมีอาการ และความรุนแรงของโรคแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือก หรือปรับการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายตามปัญหาที่ผู้ป่วยนั้นมี เช่น มีข้อขัดตึง มีข้อเคลื่อนไหวไม่ได้เต็มที่ หรือมีความพิการผิดรูปร่างของข้อเป็นต้น

ข้อมูลจาก http://www.elib-online.com/