5 ปัญหาผิวหน้าร้อน

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552
Posted by noobo

มีข่าวเตือนมาตั้งแต่ต้นปีว่าหน้ารอนปีนี้จะร้อนกว่าทุกปีที่ผ่านมา คุณแม่ที่มีเจ้าตัวเล็กนอกจากต้องเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดแล้ว เห็นทีต้องคอยตั้งรับกับโรคผิวหนังที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกในช่วงหน้าร้อนๆ อย่างนี้อีกด้วยค่ะ
1. ผดผื่น หน้าร้อนแบบนี้หนีไม่พ้นเรื่องผดผื่นโดยเฉพาะลูกเล็ก ที่พ่อแม่กลัวจะไม่สบายห่อตัวซะมิดชิด เพราะความยืดหยุ่นของร่างกายมีน้อยทำให้เหงื่อระบายออกยากแล้วปกติหน้าร้อน ร่างกายก็จะขับความร้อนออกจาเหงื่อเยอะ เมื่อต่อมเหงื่อทำงานหนักและระบายเหงื่อออกไม่ทันก็จะเกิดอุดตันที่ท่อต่อม เหงื่อ ทำให้เกิดผดผื่นขึ้นได้

อาการ บริเวณที่เหงื่อออกเยอะๆ คือใบหน้า ศรีษะ คอ แผ่นอก แผ่นหลัง และตามเนื้อตามตัว เป็นเม็ดแดงๆ เล็กๆ อยู่ตรงรูขุมขน หรือถ้าเป็นไม่มากก็จะเห็นเป็นตุ่มน้ำใส บางครั้งลูกชอบไปเกาก็เกิดการติดเชื้อโรคจนเป็นตุ่มหนองได้
วิธีป้องกัน ถ้าพ่อแม่แน่ใจว่าผดผื่น ตามตัวของลูกมีสาเหตุมาจากความร้อน ก็ดูแลเองได้โดยการอาบน้ำให้ลูกบ่อยๆ สวมเสื้อผ้าให้บางๆ เช่น เสื้อผ้าฝ้าย ฯลฯ และพยายามทำให้ลูกรู้สึกเย็นสบายตัวเข้าไว้ แต่ถ้าลูกคันคุณแม่ทาแป้งน้ำคาลาไมน์ให้ได้ค่ะ
Concern ห้ามทาผลิตภัณฑ์ที่เป็นครีมหรือออยล์ เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไปอุดตันรูขุมขน ทำให้เหงื่อระบายออกได้น้อยกว่าเดิมอีกค่ะ
2. ผิวไหม้ผิวเกรียม เป็นโรคที่เกิดจากอยู่ท่ามกลางแสงแดดนานๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่พาลูกหนีร้อนไปพึ่งทะเล ถ้าไม่ป้องกันให้ดีผิวหนังลูกก็ไหม้ได้ง่ายๆ เพราะเมลานินที่เป็นตัวป้องกันแสงแดดในผิวหนังลูกยังเล็กน้อย หากเทียบกับผู้ใหญ่
อาการ ปวดแสบปวดร้อน และเจ็บที่ผิวหากเป็นลูกเล็กก็ยังพูดหรือบอกไม่ได้ คุณแม่จะสังเกตเห็นว่ามีอาการงอแงผิดปกติเพราะผิวตึง
วิธีป้องกัน เป็นไปได้ควรพาลูกไปเล่นหลังแดดร่มลมตกนะคะ แต่ถ้าเจ้าตัวเล็กไม่ยอมจะเล่นน้ำยามบ่ายให้ได้ คุณแม่ควรทาครีมกันแดดสำหรับเด็กที่มี SPF 15-20 เพราะสามารถป้องกันผิวจากแสงยูดีได้ แต่ถ้าป้องกันไม่ทันผิวไหม้ไปแล้ว คุณแม่ควรอาบน้ำหรือลูกแช่น้ำเย็น และทาครีมหรือโลชั่น เพื่อช่วยลดความตึงของผิวหนังอาบน้ำเสร็จด้วย
Concern ถ้าลูกผิวไหม้มากจนผิวหนังอักเสบ แดงหรือเป็นรอยไหม้ไม่ยอมลอกออกไปสักที คุณแม่ควรพาคุณลูกไปพบคุณหมอแล้วล่ะค่ะ
3. โรคผิวหนังจากเชื้อรา เหงื่อที่ออกเยอะในช่วงร้อนๆ อย่างนี้นอกจากจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดผดผื่นแล้วหากปล่อยให้อับชื้นนานๆ ตามขาหนีบ รักแร้ หรือเด็กอ้วนที่ผิวหนังเสียดสีมากๆ ยิ่งบวกกับการไม่ค่อยชอบอาบน้ำ จะทำให้เชื้อราต้นตอของโรคผิวหนังอย่าง กลาก เกลื้อน หรือแคนดิดา ที่ชอบบริเวณอับชื้นเล่นงานได้ง่ายๆ เพราะเชื้อรากลุ่มนี้จะเติบโตได้ดีถ้ามีความอับชื้นและมีเหงื่อหมักหมม
อาการ เริ่มต้นด้วยอาการคันแล้วตามด้วยผื่นแดง ต่อมาจะสีคล้ำม่วงลามเป็นวงออกไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นกลากเชื้อจะอยู่ที่ขอบนูนๆ เป็นขุยแต่ตรงกลางวงจะเกลี้ยง ลามเป็นวงออกไปเรื่อยๆ และคันมากเช่นกัน
วิธีป้องกัน เน้นการดูแลความสะอาดของร่างกายลูกเป็นหลักค่ะ อย่าให้ลูกหมักหมมแช่เหงื่อนานๆ เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย ถ้าผิวหนังของลูกเสียดสีมากๆ ให้คุณแม่ทาแป้งฝุ่นบางๆ เพื่อป้องกันการเสียดสี แต่ไม่ควรโรยแป้งลงบนบริเวณนั้นโดยตรง เพราะเมื่อแป้งโดนน้ำหรือเหงื่อจะจับกันเป็นก้อนและเสียดสีมากขึ้น แทนที่จะรักษากลับเป็นการซ้ำเติมมากกว่าค่ะ
Concern ถ้าแน่ใจว่าลูกเป็นเชื้อรา สามารถซื้อยาแก้เชื้อราตามร้านขายยามาทาประมาณ 5-6 วันก็จะหาย แต่ถ้าทายาแล้วยิ่งลามมากขึ้น แสดงว่าผิดโรค ควรพาไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยโรคให้ถูกต้อง
4. โรคผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรีย ปกติแบคทีเรียสเตร็ปโตค็อกคัสและสแตปฟิโลค็อกคัสนี้ มีอยู่ตามผิวหนังของเราและจะไม่มีอันตรายใดๆ แต่ถ้าผิวหนังมีรอยขีดข่วน รอยอักเสบ ทั้งจากผดและรอยจากการเกา เชื้อแบคทีเรีย 2 ชนิดนี้จะลงไปแทรกทันทีและทำให้เป็นหนองขึ้นมา
อาการ เป็นผื่นแดงและมีตุ่มติดเชื้อพองเป็นน้ำใส ตรงขอบเป็นสะเก็ดแข็งๆ เมื่อตุ่มแตกออกจะมีน้ำเหลืองเยิ้ม แผลเป็นวงเหมือนโดนบุหรี่จี้ บริเวณที่มักเป็นบ่อย คือจมูก เพราะลูกชอบแคะจมูกหรือพ่อแม่เช็ดน้ำมูกแรงจนเป็นรอยแดง และถ้าลูกจับแผลที่มีเชื้อตัวนี้แล้วไปจับหรือเกาอวัยวะอื่น ก็จะทำให้เชื้อแบคทีเรียลามไปได้ทั่ว
วิธีป้องกัน ถ้าลูกเป็นผดผื่นควรรีบรักษาให้หาย และตัดเล็บลูกให้สั้นเสมอ เพื่อป้องกันการเกา ซึ่งเป็นช่องทางทีทำให้เชื้อแบคทีเรียแทรกตัวเข้าไป และต้องดูแลความสะอาด อาจจะใช้สบู่แบบฆ่าเชื้อแบคทีเรียก็จะดีค่ะ
Concern หากมีใครเป็นผื่นแผลพุพองในช่วงนั้น ควรให้ลูกหลีกเลี่ยงที่จะคุกคลีชั่วคราว เพราะแค่สัมผัสที่แผลนั้นลูกก็รับเชื้อเข้ามาได้ทันที
5. ผื่นภูมิแพ้ แม้ว่าโรคผื่นภูมิแพ้จะเป็นกันได้ทุกฤดูแต่ในช่วงหน้าร้อนผื่นภูมิ แพ้จะเห่อมากเป็นพิเศษ เพราะมีเหงื่อเป็นตัวกระตุ้นสำคัญสังเกตได้ว่าถ้าบริเวณที่เหงื่อออกเยอะ ก็จะมีผื่นเยอะเหมือนกัน
อาการ ผื่นภูมิแพ้จะเป็นผื่นแดงตามใบหน้า แขน ขา โดยเฉพาะตามข้อพับ ซอกคอที่มีเหงื่อเยอะๆ และอับชื้น ผื่นโรคนี้จะคันมากจนเด็กๆ อดเกาไม่ได้ ยิ่งคันยิ่งเกา ก็ยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดอาการคันมากขึ้นอักเสบมากขึ้น และเห่อเป็นวงจรต่อไป
วิธีป้องกัน สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ตัดเล็บลูกให้สั้นเพื่อป้องกันการเกา จากนั้นถ้าลูกมีอาการคันก็ให้กินยาลดอาการคัน หากผิวหนังอักเสบต้องทายาลดการอักเสบ ซึ่งจะเป็นยาสเตียรอยด์ที่ควรใช้ตามแพทย์สั่ง และที่สำคัญคือควรเลี่ยงไม่ให้ลูกออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมตัวค่ะ
Concern ยาที่ใช้ทาแก้ผื่นภูมิแพ้ มักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ซึ่งสามารถดูดซึมเข้าร่างกาย ถ้าใช้นานๆ จะส่งผลข้างเคียงต่อระบบภายใน เช่น ต่อมหมวกไต กระดูก ฯลฯ ได้ เพราะฉะนั้นการใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ควรใช้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น
โรคผิวหนังทั้ง 5 โรคที่พูดนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดกับเด็กก่อนวัยเรียนค่ะ เพราะลูกวัยนี้ยังระมัดระวังตัวเองไม่เป็น เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ลูกเสมอ และควรอยู่ในอากาศถ่ายเทได้สะดวกจะช่วยคลายร้อนได้อีกแรงค่ะ



ข้อมูลจาก http://www.elib-online.com

0 ความคิดเห็น: