คำตอบของ ตาขวากระตุก ร้ายหรือดี ???
วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552Posted by
noobo
0 Comments
อยู่ดีๆก็ตาขวาก็กระตุกสะงั้น หม้ายรู้ทำไม จะมีอ่าไรเกิดขึ้นหละเนี๊ย อุอุอุ จะเป็นอย่างที่เค้าว่ารึเปล่า.............
ตาขวากระตุก โบราณว่าเป็นลางร้าย?
ตาขวากระตุก โบราณว่าเป็นลางร้าย ใช่รือไม่ครับใครมีความรู้เรื่องนี้บ้างครับ
ต้องแยกไหมครับว่า ตาด้านล่าง ด้านบน หรือหัวคิ้ว
แหมๆๆ พูดไปพูดมา นี้มัน บล๊อกสุขภาพจะให้แนะนำ ความเชื่อโชคลางได้ไงหละเนี๊ย ขอนำเสนอเรื่องของวิทยาศาสตร์ สุขภาพกันดีกว่า (แต่ใครจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็เป็นความคิดส่วนบุคคล นะคร๋าา คุณ)
คิดสะว่าเอาไว้ประดับความรู้หละกันจ้า.....
เปลือกตากระตุก อาจเกิดจากนิสัยความเคยชินในวัยเด็ก เด็กบางคนสามารถกระตุกเปลือกตาและใบหน้าเป็นครั้งคราวได้ และสามารถหยุดได้ทันทีเมื่อต้องการหยุด อาการจะหายไปได้เมื่อโตขึ้น นอกจากนั้นอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ มักพบในคนสูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จะมีอาการเปลือกตา ค่อยๆ บีบตัวเกร็งทีละน้อยจนกลายเป็นหลับตาแน่นมากทั้งสองตา เกิดเป็นครั้งคราว ขณะหลับจะไม่มีอาการ หากทิ้งไว้นาน ความรุนแรงและความถี่จะมากขึ้นจน กลายเป็นตาปิดตลอด ทำให้สูญเสียการมองเห็นได้
เปลือกตากระตุกอีกชนิดเกิดจากกล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากระตุก มักเกิดจากเส้นเลือดในสมองโป่งพอง หรือมีเนื้องอกกดเส้นประสาทที่มาเลี้ยงเปลือกตา จะมีอาการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อเปลือกตาและกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกอาการ เกร็ง จะคงอยู่แม้ขณะหลับจะมีอันตรายต้องได้รับการผ่าตัด
ตากระตุก เป็นอาการกระตุกของลูกตาเป็นจังหวะด้วยทิศทางและความแรงแตกต่างกันออก ไปเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น เกิดขึ้นภายใน 2-3 เดือนแรกหลังคลอดหากลูกตากระตุกเท่าๆ กันในตาทั้งสองข้างอาจร่วมกับการมีศีรษะสั่นด้วย ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น นอกจากนี้ยังพบได้จากการล้าของกล้ามเนื้อตาทำให้ตากระตุก กลุ่มนี้ไม่มีปัญหา อะไรหายเองได้ แต่หากอาการตากระตุกเป็นอยู่นานๆ ควรต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของโรคจะได้แก้ไขอย่างถูกต้องต่อไป
สำหรับคนที่มีความเชื่อตามอย่างโบราณเค้าว่า ก็แล้วแค่ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ เรื่องแบบนี้ก็ว่าไม่ได้เหมือนกัน เพราะหลายๆคนก็เจอมากับตัวเองจริงๆ อย่างที่เค้าว่า ไม่เชื่ออาลบหลู่
ต้องแยกไหมครับว่า ตาด้านล่าง ด้านบน หรือหัวคิ้ว
แหมๆๆ พูดไปพูดมา นี้มัน บล๊อกสุขภาพจะให้แนะนำ ความเชื่อโชคลางได้ไงหละเนี๊ย ขอนำเสนอเรื่องของวิทยาศาสตร์ สุขภาพกันดีกว่า (แต่ใครจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็เป็นความคิดส่วนบุคคล นะคร๋าา คุณ)
คิดสะว่าเอาไว้ประดับความรู้หละกันจ้า.....
คำตอบที่ดีที่สุด ของอาการ ตากระตุก
หลาย ๆ คนคงเคยตากระตุก แต่สิ่งแรกที่จะนึกถึงก็คือ "ขวาร้าย ซ้ายดี" มันเป็นคำเชื่อตังแต่โบราณมาแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วเมื่อไปพบแพทย์ แพทย์ได้บอกให้ฟังว่าอาการตากระตุก แบ่ง ได้เป็น 2 กรณี คือ เปลือกตากระตุก และลูกตากระตุกเปลือกตากระตุก อาจเกิดจากนิสัยความเคยชินในวัยเด็ก เด็กบางคนสามารถกระตุกเปลือกตาและใบหน้าเป็นครั้งคราวได้ และสามารถหยุดได้ทันทีเมื่อต้องการหยุด อาการจะหายไปได้เมื่อโตขึ้น นอกจากนั้นอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ มักพบในคนสูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จะมีอาการเปลือกตา ค่อยๆ บีบตัวเกร็งทีละน้อยจนกลายเป็นหลับตาแน่นมากทั้งสองตา เกิดเป็นครั้งคราว ขณะหลับจะไม่มีอาการ หากทิ้งไว้นาน ความรุนแรงและความถี่จะมากขึ้นจน กลายเป็นตาปิดตลอด ทำให้สูญเสียการมองเห็นได้
เปลือกตากระตุกอีกชนิดเกิดจากกล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากระตุก มักเกิดจากเส้นเลือดในสมองโป่งพอง หรือมีเนื้องอกกดเส้นประสาทที่มาเลี้ยงเปลือกตา จะมีอาการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อเปลือกตาและกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกอาการ เกร็ง จะคงอยู่แม้ขณะหลับจะมีอันตรายต้องได้รับการผ่าตัด
ตากระตุก เป็นอาการกระตุกของลูกตาเป็นจังหวะด้วยทิศทางและความแรงแตกต่างกันออก ไปเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น เกิดขึ้นภายใน 2-3 เดือนแรกหลังคลอดหากลูกตากระตุกเท่าๆ กันในตาทั้งสองข้างอาจร่วมกับการมีศีรษะสั่นด้วย ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น นอกจากนี้ยังพบได้จากการล้าของกล้ามเนื้อตาทำให้ตากระตุก กลุ่มนี้ไม่มีปัญหา อะไรหายเองได้ แต่หากอาการตากระตุกเป็นอยู่นานๆ ควรต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของโรคจะได้แก้ไขอย่างถูกต้องต่อไป
สำหรับคนที่มีความเชื่อตามอย่างโบราณเค้าว่า ก็แล้วแค่ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ เรื่องแบบนี้ก็ว่าไม่ได้เหมือนกัน เพราะหลายๆคนก็เจอมากับตัวเองจริงๆ อย่างที่เค้าว่า ไม่เชื่ออาลบหลู่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)